ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ รัฐอุตตรประเทศของอินเดียประกาศว่าจะยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมบางประเภทสำหรับรถยนต์ไฮบริด ซึ่งจะทำให้ราคาของรถยนต์ไฮบริดลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของโตโยต้าในการล็อบบี้ และทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมและนักวิเคราะห์คาดหวังว่ารัฐอื่นๆ อาจทำตาม
รัฐบาลอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในอินเดีย ระบุในประกาศที่ออกเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมว่า เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลจะยกเว้นภาษีการจดทะเบียนรถยนต์ไฮบริดบางรุ่นด้วย รถยนต์ไฮบริดใช้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายใน จึงช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้
Maruti Suzuki เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของอินเดียและได้ร่วมมือกับ Toyota เพื่อผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฮบริด หุ้นของ Maruti Suzuki พุ่งขึ้น 5.5 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่มีการรายงานประกาศของรัฐอุตตรประเทศในสื่อท้องถิ่นเป็นครั้งแรก โดยรัฐอุตตรประเทศมียอดขายรถยนต์ในอินเดียคิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์
ด้วยรถเอสยูวี Hycross และ Hyryder ที่ขายดีที่สุด โตโยต้ามีส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฮบริดในอินเดียถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นบริษัทจึงน่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ตามมาด้วย Maruti Suzuki ทั้งนี้ โตโยต้าและ Maruti Suzuki ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นจากสื่อต่างประเทศ
การยกเว้นภาษีในรัฐอุตตรประเทศใช้กับรถยนต์ไฮบริดแบบแข็งแกร่ง (ซึ่งสามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง) และรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก
รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เน้นผลักดันการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า โดยเสนอแรงจูงใจมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัทต่างๆ ที่ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า โดยไม่ให้สัมปทานใดๆ แก่รถยนต์ไฮบริด
อินเดียเก็บภาษีขายของรัฐบาลกลางเพียง 5 เปอร์เซ็นต์จากรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่รถยนต์ไฮบริดเก็บภาษีสูงถึง 43 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันซึ่งเก็บภาษี 48 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ รัฐต่างๆ ยังเก็บภาษีการจดทะเบียนแยกต่างหาก ซึ่งทำให้ต้นทุนการซื้อรถยนต์โดยรวมสูงขึ้นไปอีก
โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดของโลก ได้กดดันรัฐบาลโมดีมานานแล้วให้ลดหย่อนภาษีรถยนต์ไฮบริด ซึ่งบริษัทโต้แย้งว่าก่อให้เกิดมลพิษน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน แต่กลับได้รับการสนับสนุนนโยบายน้อยมาก
ฮอนด้าซึ่งจำหน่ายรถซีดานรุ่น City รุ่นไฮบริดในอินเดียด้วย กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ "จะดึงดูดลูกค้าให้หันมาสนใจภารกิจการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอินเดียมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย"